ต้นไม้ประจำจังหวัด

ภาคใต้

จังหวัดกระบี่
ทุ้งฟ้า (Alstonia macrohpylla Wall) ชื่ออื่น ทุ้งฟ้าไก่ พวงพร้าว หรือตีนเทียน
ทุ้งฟ้า เป็นไม้ยืนต้น สูงประมาณ 15-25 เมตร ลำต้นตรง เปลือกสีขาวอมเทา ใบเดี่ยว
เรียงเวียนสลับกันตามปลายกิ่ง แผ่นใบรูปไข่ เรือนยอดโปร่ง ขึ้นทั่วไปในป่าดิบที่ป่าถูกแผ้ว
ถางแล้ว โดยเฉพาะในภาคใต้ ออกดอกตลอดทั้งปี ดอกสีขาวอมเทา ออกเป็นช่อตามง่าม
ใบและปลายกิ่ง ฝักแก่จะบิดกันเป็นเกลียว เมล็ดเล็ก ขยายพันธุ์ด้วยวิธีเพาะเมล็ด ไม้ใช้ทำ
พื้นกระดาน ฝาเครื่องเรือน รากใช้ผสมเป็นยาบำรุงร่างกาย บำรุงกำหนัด

จังหวัดชุมพร
มะเดื่อชุมพร (Ficus racemosa Linn.) ชื่ออื่น มะเดื่อ มะเดื่อชุมพรเป็นไม้ยืนต้น
ชนิดผลัดใบ สูง 5-20 เมตร ใบเดี่ยวเรียงสลับ แผ่นใบรูปไข่ ปลายแหลม โคนใบทู่ ก้าน
ใบยาว 10.5 เซนติเมตร พบทั่วไปทางภาคใต้ ออกดอกตลอดทั้งปี ดอกมีขนาดเล็ก
ออกเป็นกระจุกตามง่ามใบและปลายกิ่ง ผลรูปไข่ ผลสุกมีสีแดงถึงสีม่วง ขยายพันธุ์ด้วยวิธี
เพาะเมล็ด และปักชำ นิยมปลูกเป็นไม้ประดับกลางแจ้ง

จังหวัดตรัง
ศรีตรัง (Jacaranda filicifolia D. Don.) ชื่ออื่น แคฝอย ศรีตรังเป็นไม้ยืนต้น
ชนิดผลัดใบ สูง 4-10 เมตร ใบประกอบรูปขนนกออกตรงกันข้าม ใบย่อยมีขนาดเล็ก
เรือนยอดโปร่ง ขึ้นได้ดีในดินทุกชนิด พบมากที่จังหวัดตรัง ออกดอกในเดือนมกราคม-
มีนาคม ดอกสีม่วงออกเป็นช่อตามกิ่ง เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตร ฝักแบน
กว้าง 1-1.5 เซนติเมตร และยาว 2-2.5 เซนติเมตร เมล็ดมีปีก ขยายพันธุ์ด้วยวิธีเพาะ
เมล็ด นิยมปลูกเป็นไม้ประดับกลางแจ้ง

จังหวัดนครศรีธรรมราช
แซะ (Millettia atropurpurea Benth.) ชื่ออื่น กะแซะ แซะเป็นไม้ยืนต้น สูง
20-30 เมตร เปลือกสีน้ำตาลเทา ใบประกอบรูปขนนก ใบย่อย กว้าง 3-8 เซนติเมตร
และยาว 8-18 เซนติเมตร เรือนยอดเป็นพุ่มทึบ แซะพบได้ตามชายป่าดิบชื้นทางภาคใต้
ออกดอกในเดือนมกราคม-เมษายน ดอกสีแดงแกมม่วง ออกเป็นช่อตามปลายกิ่ง ยาว
ประมาณ 2 เซนติเมตร มีกลิ่นหอม ฝักกว้าง 4-5 เซนติเมตร และยาว 5-10 เซนติเมตร
มีเมล็ด 1-3 เมล็ด เมล็ดกลมรี กว้าง 3.5 เซนติเมตร และยาว 5 เซนติเมตร ขยายพันธุ์
ด้วยวิธีเพาะเมล็ด เนื้อไม้ทนทาน ใช้ในการก่อสร้าง ยอดอ่อนรับประทานเป็นผักสด

จังหวัดนราธิวาส
ตะเคียนชันตาแมว (Balanocarpus heimii King) ชื่ออื่น ตะเคียนชัน ตะเคียนชัน
ตาแมวเป็นไม้ยืนต้นสูง 30-40 เมตร ลำต้นตรง เปลือกสีน้ำตาลเข้ม ใบเดี่ยวเรียงสลับกัน
แผ่นใบรูปหอก กว้าง 2-4 เซนติเมตร และยาว 8-15 เซนติเมตร ปลายแหลมโคนใบสอบ
ขึ้นเป็นกลุ่มในป่าดงดิบ พบมากที่จังหวัดนราธิวาส และยะลา ออกดอกทั้งปีดอกสีขาว
กลิ่นหอม ออกเป็นช่อตามง่ามใบและปลายกิ่ง กว้าง 1.5 เซนติเมตร และยาว 5-7
เซนติเมตร ขยายพันธุ์ด้วยวิธีเพาะเมล็ด เนื้อไม้แข็ง ใช้ก่อสร้าง ทำเรือ ทำเสากระโดงเรือ
และใช้ผสมน้ำมันทาไม้

จังหวัดปัตตานี
ตะเคียนทอง (Hopea odorata Roxb.) ชื่ออื่น ตะเคียนใหญ่ จะเคียน แคน หรือ
โกกี้ ตะเคียนทองเป็นไม้ยืนต้น สูง 20-40 เมตร ลำต้นตรง เปลือกสีน้ำตาลอมดำ
ใบเดี่ยวกว้าง 3-6 เซนติเมตร และยาว 10-14 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน
เรียงสลับกัน เรือนยอดแน่นทึบ พบอยู่ตามที่ราบลุ่มชุ่มชื้นทุกภาค ออกดอกในเดือน
มกราคม-มีนาคม ดอกเล็กสีขาวถึงเหลืองอ่อน ออกเป็นช่อตามง่ามใบ ขยายพันธุ์ด้วยวิธี
เพาะเมล็ด เนื้อไม้ใช้ทำเครื่องเรือน สะพานเรือ วงกบประตู และหน้าต่าง ชันใช้ผสมน้ำมัน
ทาไม้ และทำน้ำมันชักเงาใช้ยาเรือ

จังหวัดพังงา
เทพทาโร (Cinnamomum porrectum Kosterm.) ชื่ออื่น พลูต้นขาว จวงหอม
จะไคหอม หรือจะไคต้น เทพทาโรเป็นไม้ยืนต้น สูง 10-30 เมตร เปลือกสีเทาอมเขียว
และสีน้ำตาล ใบเดี่ยว แผ่นใบรูปรีแกมรูปไข่ ยาว 7-20 เซนติเมตร ปลายแหลม โคนสอบ
ก้านใบเล็ก ยาวประมาณ 2.5-3.5 เซนติเมตร เรือนยอดเป็นพุ่มทึบพบในป่าดงดิบทั่ว
ประเทศ โดยเฉพาะภาคใต้ ออกดอกตลอดทั้งปี ดอกสีขาวและสีเหลือง ออกเป็นช่อตาม
ปลายกิ่ง ผลกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.7 เซนติเมตร ขยายพันธุ์ด้วยวิธีเพาะเมล็ด
เนื้อไม้แข็ง ใช้แกะสลัก ทำตู้ เตียง หีบ เปลือกใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย น้ำต้มเปลือกใช้แก้
เสียดท้อง ท้องขึ้น และท้องอืดเฟ้อ

จังหวัดพัทลุง
พะยอม (Shorea roxburghii G. Don) ชื่ออื่น พะยอมดง พะยอมทอง กะยอม ขะ
ยอม หรือแคน พะยอมเป็นไม้ยืนต้นชนิดผลัดใบ สูง 15-30 เมตร เปลือกหนาสีน้ำตาล
ใบเดี่ยว กว้าง 3-4 เซนติเมตร และยาว 8-10 เซนติเมตร ปลายมนหยัก เรือนยอดเป็น
พุ่มกลม พบขึ้นตามป่าเบญจพรรณแล้งและชื้นทั่วทุกภาค ออกดอกในเดือนธันวาคม-
กุมภาพันธ์ ดอกสีขาวกลิ่นหอม ออกเป็นช่อตามปลายกิ่ง ผลมีปีก ขยายพันธุ์ด้วยวิธีเพาะ
เมล็ด เนื้อไม้ใช้ก่อสร้าง ทำเครื่องเรือน เปลือกมีรสฝาด ใช้เป็นยาสมานลำไส้ ดอกใช้ผสม
ยาแก้ลม บำรุงหัวใจ และชันใช้ผสมน้ำมันทาไม้

จังหวัดภูเก็ต
ประดู่บ้าน (Pterocarpus indicus Willd.) ชื่ออื่น ประดู่กิ่งอ่อน อังสะนา หรือสะ
โน ประดู่บ้านเป็นไม้ยืนต้นชนิดผลัดใบ สูงประมาณ 15-30 เมตร เปลือกสีน้ำตาล ใบเป็น
รูปขนนกเรียงสลับกัน ปลายกิ่งห้อยย้อยลง เรือนยอดกลมทึบ พบขึ้นในป่าดงดิบภาคใต้
ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป ออกดอกในเดือนมีนาคม-เมษายน ดอกสีเหลือง มีกลิ่นหอม
เป็นช่อตามง่ามใบและปลายกิ่ง ยาว 20-30 เซนติเมตร ผลเป็นแผ่นกลม กว้าง 3-4 เซนติเมตร
ขยายพันธุ์ด้วยวิธีเพาะเมล็ด และปักชำ เนื้อไม้ใช้ก่อสร้าง เปลือกให้น้ำฝาดใช้ฟอกหนัง
และย้อมผ้า

จังหวัดยะลา
โสกเหลือง (Saraca thaipingensis Cantley ex Prain) ชื่ออื่น โสกน้ำ ศรียะลา
โสกใหญ่ หรือโสกป่า โสกเหลืองเป็นไม้ยืนต้น สูงประมาณ 5-15 เมตร ใบประกอบรูปขน
นก ใบย่อยรูปใบหอก กว้าง 3-9 เซนติเมตร และยาว 7-32 เซนติเมตร ปลายแหลม โคน
สอบ ขึ้นอยู่ตามลำห้วย หนอง คลองบึง และริมธารในป่าดิบ ออกดอกในเดือนมกราคม-
เมษายน ดอกสีเหลือง มีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อตามปลายกิ่งและลำต้น ฝักแบน กว้าง 3.5-
8 เซนติเมตร และยาว 15-40 เซนติเมตร ขยายพันธุ์ด้วยวิธีเพาะเมล็ด นิยมปลูกเป็นไม้
ประดับ เนื่องจากดอกมีความสวยงาม

จังหวัดระนอง
อบเชย (Cinnamomum bdjolghota Sweet) ชื่ออื่น สมุลแว้ง มหาปราบฝนแสนห่า
หรือเชียกใหญ่ อบเชยเป็นไม้ยืนต้น สูงประมาณ 15-20 เมตร เปลือกเรียบสีเทา เรือน
ยอดเป็นพุ่ม พบมากในป่าดงดิบทั่วไป ออกดอกตลอดทั้งปี ดอกมีขนาดเล็กสีเหลือง
อ่อน ออกเป็นช่อตามปลายกิ่ง ผลเล็กรูปไข่ ในหนึ่งผลมีเพียงเมล็ดเดียว ขยายพันธุ์ด้วย
วิธีเพาะเมล็ด เนื้อไม้ หยาบ แข็ง และเหนียว มีกลิ่นหอมคล้ายการะบูร ใช้แกะสลัก เครื่อง
เรือน ส่วนรากและใบต้มให้สตรีที่คลอดบุตรใหม่ดื่มเพื่อรักษาไข้ เปลือกมีรสหวานหอม ใช้
เข้ายานัตถุ์ แก้ปวดศีรษะ จุกแน่น และเครื่องเทศ

จังหวัดสงขลา
สะเดาเทียม (Azadirachta excelsa (Jack)Jacobs) ชื่ออื่น สะเดาช้าง สะเดาเทียม
เป็นไม้ยืนต้น สูงประมาณ 30-40 เมตร เปลือกเรียบ ใบประกอบรูปขนนก ก้านใบยาว
20-60 เซนติเมตร เรียงสลับกัน ใบย่อยรูปไข่ กว้าง 3-4 เซนติเมตร และยาว 5-8
เซนติเมตร ปลายแหลม โคนสอบ ใบสีเขียวอ่อน พบมากในภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลง
ไป ออกดอกในเดือนมีนาคม ดอกสีขาวและสีเขียวอ่อน ออกเป็นช่อตามง่ามใบ ผลรูปไข่
ผลแก่มีสีเหลือง เมล็ดมีกลิ่นฉุน ขยายพันธุ์ด้วยวิธีเพาะเมล็ด เนื้อไม้คุณภาพดีใช้ประโยชน์
ได้ทุกส่วน เมล็ดนำมาสกัดเป็นสารทำยาฆ่าแมลง เปลือกต้มทำยาแก้โรคบิด และแก้
ท้องร่วง

จังหวัดสตูล
กระซิก (Dalbergia parviflora Roxb.) ชื่ออื่น ซิก ครี้ หรือสรี้ กระซิกเป็นไม้ยืน
ต้น ลำต้นมีหนาม เปลือกสีเทา ใบประกอบรูปขนนก ใบย่อยเรียงสลับกัน กระซิกขึ้นได้ดี
ตามป่าโปร่งที่ลุ่มตามริมห้วยหนอง คลองบึงภาคใต้ ออกดอกตลอดทั้งปี ดอกขนาดเล็ก มี
กลิ่นหอม ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่งและง่ามใบ ฝักแบน ขอบฝักบาง มีเมล็ดใหญ่ ขยายพันธ์
ด้วยวิธีเพาะเมล็ด เนื้อไม้ ใช้ทำเครื่องเรือน เครื่องกลึง แกะสลัก และเครื่องดนตรี น้ำมัน
จากเนื้อไม้ใช้รักษาแผลเรื้อรัง เนื้อไม้สกัดทำยาแก้ไข้ แก่นและรากมีกลิ่นหอมใช้ทำธูป

จังหวัดสุราษฏร์ธานี
เคี่ยม (Dalbergia parviflora Roxb.) ชื่ออื่น เคี่ยมดำ เคี่ยมดง หรือเคี่ยมขาว
เคี่ยมเป็นไม้ยืนต้น สูงประมาณ 20-40 เมตร ลำต้นตรง เปลือกเรียบสีน้ำตาล ใบเดี่ยว
เรียงสลับกัน แผ่นใบรูปทรงไข่ ปลายเรียว โคนมน เรือนยอดเป็นพุ่มทึบ พบทั่วไปตามป่า
ดงดิบ และมีมากทางภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป ออกดอกตลอดทั้งปี สีขาว กลิ่น
หอม ออกเป็นช่อยาวตามปลายกิ่งและง่ามใบ ผลกลมขนาดเล็ก ขยายพันธุ์ด้วยวิธีเพาะ
เมล็ด เนื้อไม้ละเอียด เหนียว และแข็ง ใช้ทำเรือ สะพาน ก่อสร้างที่ต้องการความแข็งแรง
เปลือกไม้ใช้เป็นยาแผล ห้ามเลือดที่เป็นแผลสด ชันเป็นยาสมานแผล แก้ท้องร่วง ใช้ผสม
น้ำยาทาไม้ และน้ำมันชักเงา

จังหวัดสระแก้ว
ชื่อทางพฤกษศาสตร์ : Emblica Officinalis
วงศ์ : EUPHORBIACEAE
ชื่อที่เรียก : ทั่วๆ ไปและภาคกลางเรียก มะขามป้อม ทางภาคตะวันออกเรียก กำทอด
ลักษณะ : ต้นมะขามป้อม เป็นไม้ยืนต้นขนาดย่อมถึงขนาดกลาง ใบเล็กเป็นฝอยคล้าย
ใบสีเสียด ลำต้นเกลี้ยง ก้านใบยาว ยอดปลายใบมีสีแดงเรื่อๆ ออกดอกเล็กๆ
เป็นช่อรวมกันเป็นกระจุก สีเขียวเหลืองๆ มีลูกกลมโตขนาดลูกในหมากดิบ
เขื่องๆ มีสีเขียวอ่อนๆ เนื้อภายในแบ่งออกเป็น 3 พู รับประทานมีรสฝาด
เปรี้ยวขมหวานระคนกัน รับประทานเป็นอาหารได้ เนื้อไม้เมื่อยังใหม่ๆ อยู่เป็น
สีแดงคล้ำ ถ้าทิ้งไว้นานๆ จะเป็นสีแดงปนน้ำตาล เสี้ยนสับสนเนื้อค่อนข้างแข็ง
และเหลือง เลื่อยผ่าง่าย ผึ่งแห้งง่าย น้ำหนัก 1 ลูกบาศก์ฟุต หนักประมาณ 50 ปอนด์

HOME

Advertising Zone    Close